1041 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพ : Daimler AG
เรียบเรียง : Pitak Boon
Mercedes-AMG ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน F1 ซึ่งเป็นรายการแข่งรถยนต์ทางเรียบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ในฐานะ ‘Official FIA F1’ เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน โดยรับหน้าที่เป็น Safety Car ภารกิจหลัก อำนวยความปลอดภัยให้กับตัวแข่ง F1 ในสนาม ส่วนภารกิจรอง เป็นการสร้างอิมเมจให้กับ Mercedes-AMG ดังนั้นบรรดา Safety Car ในแต่ละยุคของ Mercedes-AMG จึงล้วนเป็นตัวแรงประจำค่ายทั้งสิ้น
Official FIA F1 Safety Car จาก Mercedes-AMG
C 36 AMG | 1996/1997 |
CLK 55 AMG | 1997/1998 |
CL 55 AMG | 1999/2000 |
SL 55 AMG | 2001/2002 |
CLK 55 AMG | 2003 |
SLK 55 AMG | 2004/2005 |
CLK 63 AMG | 2006/2007 |
SL 63 AMG | 2008/2009 |
SLS AMG | 2010-2014 |
AMG GT S | 2015-2017 |
AMG GT R | From 2018 |
F1 Safety Car ประจำปี 2018 ถูกแปลงโฉมมาจาก Mercedes-AMG GT R ที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะแอร์โร่ไดนามิคบนตัวถังซึ่ง AMG GT R พร้อมลงสนามแข่งได้ทันที จุดที่ถูกเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นรถเฉพาะกิจ ได้แก่ การติดไฟไซเรนบนหลังคา ให้กำเนิดแสงไฟสัญญาณกระพริบจากหลอด LED โดยตัวเรือนของชุดไซเรนผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ จากนั้นจึงคาดตัวถังด้วยสติกเกอร์ FIA F1 งานห้องโดยสาร ครบถ้วนตามรูปแบบรถ Safety Car โดยเฉพาะวิทยุสื่อสาร เบาะนั่ง AMG Performance Seats ชุดเดิมถูกถอดทิ้ง แทนที่ด้วย Bucket Seats มาพร้อมเข็มขัดนิรภัยมาตรฐานตัวแข่ง พื้นที่โดยสารด้านหลังถูกเสริมด้วย Roll Cage เพิ่มความปลอดภัยให้กับงานภาคสนาม ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้
นับตั้งแต่ Mercedes-AMG GT R ต่อเนื่องมาจนเป็น Safety Car วิศวกรจัดเต็มด้วย Active Aerodynamics ทั้งส่วนหน้า และส่วนหลัง เริ่มจากช่องรับลมบริเวณใต้กันชนหน้า ได้ออกแบบเป็นครีบแบบบานเกล็ด จะปิดเพื่อรักษาความร้อนควบคุมให้ถึงอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว และจะเปิดเพื่อผันมวลลมเข้ามาช่วยระบายความร้อนในสภาพการขับขี่ปกติ สำหรับแรงกดที่ส่วนท้ายรถ เป็นหน้าที่ของปีกหลัง ที่ขยับองศาในการกระดกแปรผันตามความเร็ว ปิดท้ายด้วยชุดดิฟฟิวเซอร์คู่ที่ใต้ท้องรถ ทั้งหมดในส่วนของงานแอร์โร่ไดนามิค ที่ได้รับการพัฒนาจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะไปจบที่อุโมงค์ลม
Mercedes-AMG GT R ใช้เครื่องยนต์ V8 รหัส 'M178' ขนาดความจุ 3,982 ซีซี อัพพลังด้วย Bi-turbo ชุดกังหันเทอร์ไบน์ขับเคลื่อนอย่างหนักหน่วงในทุกย่านความเร็ว ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ การตอบสนองที่ฉับไว กังหันเทอร์ไบน์หมุนด้วยความเร็วรอบสูงสุดถึง 186,000 รอบ/นาที สร้างบูสท์ระดับ 1.35 บาร์ ขณะที่ใช้แรงดันในการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบแปรผันตามโหลด ระหว่าง 100-200 บาร์
ปิดตัวเลขแรงม้าที่ 585 hp แรงบิดพุ่งแตะ 700 Nm ที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที ระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed สำหรับ Mercedes-AMG GT R เปลี่ยนส่วน Torque Tube (อุโมงค์เพลากลาง) ที่เดิมเป็นโครงอะลูมีเนียมมาใช้คาร์บอนไฟเบอร์ เมื่อประกอบกับคาร์บอนไฟเบอร์อีกหลายจุดรอบๆ ตัวถัง ส่งผลให้อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ขยับไปที่ 47.3:52.7 อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก เหลือเพียง 2.44 kg : 1 hp ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 3.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม.