1738 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพและภาพยนตร์ : BMW Group
เรียบเรียง : Pitak Boon
M3 เป็นตำนานบทหนึ่งจากโรงงาน BMW เริ่มต้นสร้างชื่อมากับบอดี้สุดอมตะอย่าง ‘E30’ ในปี 1985 สำหรับโมเดลล่าสุดเดินทางมาถึงรหัส ‘F80’ ก่อนที่จะถูกอัพเกรดไปเป็นเวอร์ชั่น ‘CS’ ปรับแต่งความฮาร์ดคอร์เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ทั้งในส่วนของเครื่องยนต์, การตอบสนองของช่วงล่าง, ระบบเบรก, ไล่เรียงมาจนถึงซุ่มเสียงจากปลายท่อ ปิดท้ายด้วยการเติมเต็มความโหด พร้อมลดน้ำหนักด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ในหลายส่วน
BMW M GmbH เดินสายการผลิต M3 CS (F80) ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2018 จำกัดจำนวนการผลิตไว้ที่ 1,200 คัน ความโหดเริ่มต้นที่การยกระดับไปเล่นกับวัสดุ CFRP (Carbon Fibre-reinforced Plastic) หรือคาร์บอนไฟเบอร์ในหลายส่วน ได้แก่ ฝากระโปรงหน้า (เบาขึ้น 25%), หลังคา (M3 F80 ใช้หลังคา CFRP อยู่แล้ว), ชิ้นสปอยเลอร์หน้า, สปอยเลอร์หลัง และ ชุดดิฟฟิวเซอร์หลัง ทั้งหมดหั่นน้ำหนักทิ้งไปได้ราว 10 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ M3 บอดี้มาตรฐาน
เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ใต้ฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์ของ M3 CS ได้รับการปรับแต่งให้ทรงพลังยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับ M3 with Competition Package จะแรงขึ้น +10 hp พร้อมแรงบิด +50 Nm เบ็ดเสร็จคือแรงม้าระดับ 460 hp ที่ 6,250 รอบ/นาที ขณะที่แรงบิดสูงสุดเพิ่มไปเป็น 600 Nm ที่ 4,000-5,380 รอบ/นาที โดยเทคโนโลยีพื้นฐานยังคงครบถ้วน อาทิ ระบบ High Precision Injection (ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง), ระบบ Double-VANOS, ระบบ VALVETRONIC รวมทั้งเทอร์โบที่ใช้โข่งภายในแบบ Two mono-scroll
M3 CS (F80) ลงตัวที่น้ำหนัก 1,585 กิโลกรัม ทะยานทะลุความเร็ว 100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 3.9 วินาที (M3 เวอร์ชั่นมาตรฐานทำได้ 4.3 วินาที) ความเร็วสูงสุดขยับไปล็อคที่ 280 กม./ชม. เร็วได้ระดับนี้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้กับ เกียร์คลัตช์คู่ M-DCT 7 สปีด ที่ควบคุมด้วย Drivelogic ซึ่งพ่วงมากับระบบ Launch Control ที่จะปรับทุกองค์ประกอบใน M3 CS เพื่อให้รถออกตัวได้เร็วที่สุด โดย Drivelogic จะมี 2 โหมดในการทำงาน คือ Automated Mode (D) และ Manual Mode (M) ซึ่งแต่ละโหมดของ Drivelogic จะแบ่งความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ได้อีก 3 ระดับ
ในส่วนของระบบขับเคลื่อน ของเล่นที่มีติดรถมาตั้งแต่ M3 เวอร์ชั่นมาตรฐาน ได้แก่ Active M Differential ภายในชุดเฟืองท้าย รับหน้าที่ปรับสภาพการส่งถ่ายแรงบิดของล้อขับเคลื่อนทั้ง 2 ฝั่ง ให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ความเร็ว และรูปแบบในการเข้าโค้งมากที่สุด โดยชุดเฟืองท้ายจะพ่วงมาด้วย Multiple-plate Clutch จำนวน 2 ชุด แยกซ้าย-ขวา (ควบคุมการทำงานด้วย ECU) ก่อนส่งกำลังไปขับเพลาข้างทั้ง 2 ฝั่ง โดยระดับในการกระจายกำลังจะขึ้นอยู่กับระดับการจับตัวของชุดคลัตช์ แปรผันได้ตั้งแต่ 0-100%
ระบบ Driving Stability System หรือระบบช่วยเรื่องการทรงตัวทั้งหมดใน M3 CS ถูกเซทอัพใหม่หมด เพื่อให้สอดรับกับแรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้น มาพร้อม M Dynamic Mode ที่จะเชื่อมโยงระบบช่วยผู้ขับ และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ระบบควบคุมการทรงตัว (Dynamics Stability Control; DSC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Dynamics Traction Control), ระบบ M-specific Servotronic Steering (ปรับระดับการตอบสนองของระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า), ระบบ Adaptive M Suspension (ปรับระดับการหน่วงของโช้คอัพ) รวมทั้ง Active M Differential ซึ่งรับหน้าที่กระจายแรงบิดของล้อขับเคลื่อน
ปิดท้ายด้วยอ็อพชั่นพิเศษสำหรับ M3 CS ที่ควรค่ากับการจ่ายเพิ่ม ได้แก่ BMW M Carbon Ceramic Brakes ในส่วนของจานเบรกยกระดับไปใช้ จานเซรามิคเกรดเดียวกับตัวแข่ง คู่หน้ามาพร้อมคาลิปเปอร์ 6 pot ส่วนคู่หลังเป็นแบบ 4 pot ขณะที่ล้อของ M3 CS เป็น Forced Light-alloy Wheels ลาย 10 ก้าน ในคู่หน้าขนาด 9J X 19 นิ้ว เบาขึ้น 9 กิโลกรัม ขณะที่คู่หลังขนาด 10J X 20 นิ้ว เบาขึ้นถึง 10 กิโลกรัม ทั้งหมดเมื่อเทียบกับล้อติดรถใน M3 เวอร์ชั่นมาตรฐาน