813 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาพและภาพยนตร์ : Mazda Motor Europe
เรียบเรียง : Pitak Boon
MX-5 เจเนอเรชั่นที่ 4 ใช้รหัสตัวถัง ND เผยโฉมมาตั้งแต่ช่วงปี 2015 เพื่อช่วงชิงลูกค้าในกลุ่มโรดสเตอร์ MX-5 โมเดลปี 2019 จึงได้รับการอัพเกรดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้บอดี้ ND ที่โดดเด่นเรื่องฟีลลิ่ง และแฮนด์ลิ่งในการขับขี่อยู่แล้ว หากเทียบกับโฉมก่อนหน้า MX-5 ND จะยกระดับมาใช้โครงสร้างตัวถังแบบลูกผสม ระหว่างเหล็กกับอะลูมิเนียม โดยแนวคิดในการสร้างสรรค์ MX-5 ในทุกเจเนอเรชั่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ การเป็นรถ 2 ที่นั่ง เปิดหลังคาน้ำหนักเบา หรือที่ถูกนิยามว่า ‘โรดสเตอร์’ ถัดมาเลย์เอาท์การวางเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อน ในรูปแบบ Front-mid Engine และ Rear-wheel Drive เป็นที่มาของการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ที่สมดุลในระดับ 50:50 ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึงเสถียรภาพการบังคับควบคุมที่เยี่ยมยอด
MX-5 บอดี้ ND ทั้งตัวถังโรดสเตอร์ และ RF (Retractable Fastback) มีการนำอะลูมิเนียมมาใช้ในหลายส่วน วัตถุประสงค์หลัก เพื่อควบคุมตัวแปรในเรื่องของน้ำหนัก อาทิ คานรับแรงกระแทกภายในกันชนหน้าและกันชนหลัง, แก้มด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง, ฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงหลัง, อุโมงค์เพลากลาง, โครงเบาะนั่ง และโครงสร้างหลังคาผ้าใบ (ตัวถังโรดสเตอร์) ในส่วนนี้ช่วยลดน้ำหนักลงได้ 16 กิโลกรัม ตัวถังของ MX-5 ND จึงมีทั้ง Lightweight High-tensile Steel และอะลูมิเนียม เช่นเดียวกับโครงสร้างของช่วงล่าง โดยช่วงล่างทั้งชุดของ SKYACTIV-Chassis สามารถหั่นน้ำหนักทิ้งไปได้ 12 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ MX-5 บอดี้ที่ผ่านมา
ระบบความปลอดภัยในกลุ่ม Active Safety ค่ายนี้ตั้งชื่อให้อย่างเป็นทางการว่า ‘i-ACTIVSENSE’ มีให้ทั้งที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเป็นอุปกรณ์พิเศษ สำหรับลูกค้าเลือกจ่ายสตางค์เพิ่ม สำหรับ MX-5 ประกอบด้วย ‘BSM’ (Blind Sport Monitoring) ใช้เรดาร์พิสัยใกล้ คลื่นความถี่ 24 GHz ตรวจสอบรถที่เคลื่อนที่อยู่ด้านข้าง รวมทั้งใช้เซ็นเซอร์สแกนรถที่เคลื่อนที่มาจากทางด้านหลัง พร้อมส่งสัญญาณไฟกระพริบเตือน เพื่อให้ผู้ขับเพิ่มความระมัดระวัง ก่อนการเปลี่ยนเลน ต่อเนื่องด้วยระบบ ‘RCTA’ (Rear Cross Traffic Alert) ช่วยเตือนผู้ขับขณะรถถอยหลัง โดย MX-5 ปี 2019 จะเพิ่มฟังก์ชั่น ‘Advanced SCBS’ (Advanced Smart City Brake Support) ป้องกันการชนคนเดินถนน และรองรับการเคลื่อนที่ช้าๆ ไปตามสภาพจราจรในเมือง
ตัวเครื่องยนต์ถูกจัดวางตำแหน่งในรูปแบบ Front-mid Engine หรือการวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหลังเพลาหน้า เพื่อให้การกระจายน้ำหนักสามารถทำได้อย่างลงตัว MX-5 ND เปิดตัวมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV 2 รุ่น ได้แก่ SKYACTIV-G 1.5 ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC ขนาดความจุ 1,496 ซีซี ช่วงเปิดตัวมาพร้อมแรงม้า 131 PS ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 Nm ที่ 4,800 รอบ/นาที สำหรับโมเดลปี 2019 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 132 PS ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152 Nm ที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ SKYACTIV-MT หรือแมนวล 6 สปีด เพื่อให้ได้ความสนุกในการขับขี่สไตล์รถสปอร์ตอย่างแท้จริง ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 204 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.87 กิโลเมตร/ลิตร และค่า CO2 ระดับ 143 กรัม/กิโลเมตร
ขณะที่รุ่นท็อป SKYACTIV-G 2.0 ใช้ปริมาตรกระบอกสูบ 1,998 ซีซี เดิมมีพละกำลัง 160 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 Nm ที่ 4,600 รอบ/นาที โมเดลปี 2019 เพิ่มความแรงไปเป็น 184 PS ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 Nm ที่ 4,000 รอบ/นาที กับเกียร์แมนวล 6 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 6.5 วินาที (+0.8 วินาที) ความเร็วสูงสุด 219 กม./ชม. (+5 กม./ชม.) มาพร้อมฟังก์ชั่น i-Stop และ i-ELOOP (รุ่น SKYACTIV-G 1.5 ไม่มี) ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะทำได้ที่ 14.49 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนค่า CO2 อยู่ในระดับ 156 กรัม/กิโลเมตร