942 จำนวนผู้เข้าชม |
ข้อมูล : Ferrari S.p.A.
เรียบเรียง : Pitak Boon
ในที่สุด ผู้ผลิตเฉพาะรถสปอร์ตตลอดกาลอย่าง FERRARI ก็พัฒนารถแนว Crossover โมเดลแรกของค่ายพร้อมส่งลงถนนอย่างเป็นทางการ ในชื่อ ‘Purosangue’ หลังจากปล่อยให้ PORSCHE ขาย Cayenne จนประสบความสำเร็จมาแล้วถึง 3 เจเนอเรชัน (955, 958 และ 959) ขณะที่แบรนด์รถสปอร์ตสายพันธุ์อิตาเลียนด้วยกันอย่าง LAMBORGHINI ก็สร้างกำไรมหาศาลได้จาก Urus เมื่อกระแสรถแนว Crossover SUV มาแรงขนาดนี้ ผู้ผลิตรถสปอร์ตน้อยใหญ่จึงไม่พลาดที่จะร่วมแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดด้วย อาทิ DBX จาก ASTON MARTIN, Levante จาก MASERATI ฯลฯ
ทำไมรถแนว Crossover SUV จากผู้ผลิตรถสปอร์ตขายดี นั่นเพราะ มีสาวกของผู้ผลิตรถสปอร์ตบางส่วน ปรารถนาความทรงพลังและสมรรถนะของรถ แต่ไม่ต้องการสร้างความลำบากใด ๆ ให้ชีวิตอีกแล้ว อาทิ โดยสารได้เพียง 2 ที่นั่ง เดินทางเป็นครอบครัวหมดสิทธิ์, ขนสัมภาระเดินทางได้เพียงเล็กน้อย, ช่วงล่างฮาร์ดคอร์ ขับไม่สบาย ฯลฯ จึงเกิดช่องว่างให้รถกลุ่มนี้แทรกตัวเข้ามาได้แบบง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อราคาไม่ใช่ปัญหา ทุกค่ายจึงพร้อมจัดเต็มทั้งเรื่องดีไซน์และเทคโนโลยีจาก know-how เฉพาะตัว เพื่อให้รถเซกเมนต์ใหม่ของตัวเอง เข้าถึงลูกค้ากระเป๋าหนักได้มากที่สุด
ความโดดเด่น Purosangue ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องดีไซน์ แต่ FERRARI ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์อีกหลายรายการ นับตั้งแต่การนำเครื่องยนต์ V12 NA (จาก 812 Competizione) มาใช้กับรถ Crossover SUV เป็นครั้งแรกของโลก เปิดตัวมาปุ๊บ Purosangue ก็ขึ้นแท่น Crossover SUV จากโรงงานที่ทรงพลังที่สุดในโลกไปแบบง่าย ๆ และถึงแม้จะเป็นรถ 4 ประตู ประตูคู่หลังก็ไม่เหมือนใคร ใช้รูปแบบการเปิดจากกลางตัวถัง ที่ให้ความสะดวกในการก้าวเข้าห้องโดยสารตอนหลังได้ง่ายกว่า เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร จะพบเบาะนั่งทั้งสี่ที่แยกกันอย่างอิสระ ซึ่งให้ประสบการณ์และสัมผัสรอบตัวจากงานหนังระดับพรีเมียม (หรืออาคันทาร่า) อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ตคูเป้จาก FERRARI ทุกประการ ปิดท้ายด้วยการใช้นวัตกรรมล่าสุด กับช่วงล่างของ Purosangue
ระบบกันสะเทือนของ Purosangue เป็น Active Suspension รูปแบบใหม่ที่ FERRARI นำมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ชื่อระบบคือ TASV อันย่อมาจาก Multimatic’s True Active Spool Valve System ใช้แรงกดจาก 48-volt Motor Actuators ซึ่งติดตั้งไว้ที่ส่วนล่างของชุดคอยล์โอเวอร์ เพื่อปรับระยะ Stroke ของโช้คอัพ ทำงานแยกกันแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ นั่นส่งผลให้ โช้คอัพปรับได้ทั้งความ แข็ง-อ่อน และระดับความสูง (10 มิลลิเมตร) จากการตอบสนองที่ฉับไวของมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ โช้คอัพพร้อมระบบ TASV จึงทำงานแทนที่เหล็กกันโคลง ช่วยลดอาการโยนตัวของตัวถังทรงสูงขณะเปลี่ยนเลน รวมทั้งลดอาการหน้าทิ่มจากการเบรกอย่างรุนแรงก่อนเข้าโค้ง หรือ อาการหน้าเชิดขณะปลดปล่อยม้าฝูงใหญ่ขณะทะยานออกจากโค้ง ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
Purosangue ใช้ขุมพลัง V12 วางไว้บนเพลาหน้าค่อนมาทางกลางรถ เข้าสูตร mid-front-mounted engine เมื่อประกอบเข้ากับเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด ลูกใหม่ และเกียร์ของระบบ 4x4 จึงให้อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่ 49:51 ใกล้เคียงรถสปอร์ตเครื่องวางกลางลำ เครื่องยนต์รหัส ‘F140IA’ เป็นบล็อก V12 วางทำมุม 65 วงศา ขนาด 6,469 ซีซี แบบหายใจเอง (Naturally Aspirated) มาพร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง GDI (Gasoline Direct Injection) ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง สร้างแรงดันที่ปลายหัวฉีดในลักษณะแปรผันได้สูงสุดถึง 350 บาร์ ชุดเพลาราวลิ้นติดตั้งระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี และไอเสีย กระโปรงลูกสูบเคลือบด้วยสารกราไฟท์ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานจากการเคลื่อนที่ ขึ้น-ลง ของลูกสูบ (Piston) กับปลอกสูบ (Liner) เช่นเดียวกับกลไกชิ้นส่วนเคลื่อนไหวภายใน ที่ถูกลดแรงเสียดทาน พร้อมทั้งลดน้ำหนัก เพื่อเพิ่มความฉับไวในการตอบสนอง ปิดท้ายด้วยระบบหล่อลื่นแบบ Dry Sump เป็นการแยกอ่างน้ำมันเครื่องออกไปจากส่วนล่างสุดของเครื่องยนต์ ลดความสูง ลดจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์ลง อีกทั้งยังง่ายต่อการบริหารจัดการ ด้วยการใช้ปั๊มส่งน้ำมันไปหล่อลื่นตามซอกต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ โดยเฉพาะขณะ Purosangue สาดเข้าโค้ง
Purosangue มาพร้อมพละกำลัง 725 PS ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 716 Nm ที่ 6,250 รอบ/นาที โดยแรงบิดกว่า 80% จะมีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบเครื่องเพียง 3,500 รอบ/นาที รอบเครื่องสูงสุด 8,250 รอบ/นาที ประเด็นที่วิศวกรเน้นเป็นพิเศษ คือ ความเร็วในการตอบสนองหลังจากผู้ขับสัมผัสแป้นคันเร่ง ขุมพลัง V12 NA ที่มีความจุมหาศาลจะตอบสนองได้รวดเร็วและหนักแน่นสุด ๆ และมาพร้อมเสียงจากปลายท่อที่ดุดัน Purosangue ตะกายผ่านล้อทั้งสี่ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยต่ำกว่า 3.3 วินาที ผ่าน 200 กม./ชม. ใช้เวลา 10.6 วินาที และความเร็วสูงสุดเคลมไว้กว่า 310 กม./ชม.