652 จำนวนผู้เข้าชม |
ข้อมูล : Porsche AG.
เรียบเรียง : Pitak Boon
ราวปี 1970, PORSCHE ส่งตัวแข่ง 911 ลงสังเวียนทางฝุ่น East African Safari Rally นับเป็นจุดเริ่มต้นการแข่งขันแรลลี่ของค่ายนี้ เพิ่มเติมจากรูปแบบ racing ที่ PORSCHE อยู่ในระดับหัวแถว กระทั่ง 911(953) มาคว้าแชมป์ในรายการที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในโลกอย่าง Paris-Dakar Rally เมื่อปี 1984 ทั้งหมดเป็นการเปิดตัวระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ใน 911 ซึ่งแตกต่างจากรถ AWD ในยุคนั้น (และปัจจุบัน) ด้วยการรับกำลังจากเครื่องยนต์ที่วางไว้ท้ายรถ และเพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงตำนานบนทางฝุ่นของ PORSCHE จึงส่ง 911 Dakar ซึ่งเป็นรถเวอร์ชันพิเศษออกสู่ตลาด ตัวถังถูกยกสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 911 มาตรฐาน พร้อมจำกัดการผลิตไว้ที่เพียง 2,500 คัน
911 Dakar ถูกพัฒนาจาก 911 โมเดลล่าสุดรหัส ‘992’ ไฮไลท์หลักอยู่ที่ความสูงของตัวถัง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 50 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ 911 Carrera 4S ดังนั้นจุดที่ถูกปรับแต่งใหม่จึงเป็นช่วงล่าง ซึ่งมาพร้อม Lift System รองรับการทำงานในเส้นทาง off-road แถมยังสามารถปรับเพิ่มความสูงใต้ท้องรถได้อีก 30 มิลลิเมตร ฟังก์ชันนี้ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. และจะปรับลดความสูงลงอัตโนมัติ หาก 911 Dakar ใช้ความเร็วมากกว่านั้น
กับการขับขี่ในรูปแบบ off-road มีตัวช่วยจากโหมดการขับขี่ 2 โหมด (เลือกผ่าน rotary switch บนพวงมาลัย) เริ่มต้นที่ ‘off-road mode’ 911 Dakar จะปรับระยะ ground clearance หรือความสูงใต้ท้องรถขึ้นอัตโนมัติ ระบบ AWD เน้นการถ่ายทอดกำลังที่แม่นยำกับสภาพเส้นทางทุรกันดารทั้งหินกรวด และทราย ถัดมา ‘rally mode’ ระบบขับเคลื่อนปรับอัตราส่วนการกระจายกำลัง หน้า:หลัง รองรับการใช้ความเร็วบนสภาพเส้นทางที่ลื่น โดยทั้ง 2 โหมดการขับขี่ออกแบบให้ทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Rallye Launch Control เพื่อสร้างอัตราเร่งบนสภาพถนนแรงเสียดทางต่ำ ซึ่งระบบจะยอมให้ล้อเกิดการสลิป (4 ล้อ) ได้ไม่เกิน 20% เท่านั้น
สำหรับระบบมาตรฐานยังครบถ้วนเช่นเดียวกับ 911 (922) อาทิ ระบบ PDCC anti-roll stabilization หรือเหล็กกันโคลงที่ปรับความแข็งเพื่อต้านอาการโคลงของตัวถัง ขณะรถอยู่ในโค้งหรือเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหัน, ระบบ rear-axle steering ล้อหลังช่วยล้อหน้าเลี้ยว เพื่อลดรัศมีวงเลี้ยวในความเร็วต่ำ และรักษาสภาพตั้งฉากของหน้ายางขณะรถใช้ความเร็วสูง แตกต่างจาก 911 เวอร์ชันมาตรฐานด้วยยาง PIERLLI Scorpion All Terrain Plus ช่วยเสริมบุคลิกตัวลุยให้กับ 911 Dakar จัดมาแบบต่างขนาด ด้านหน้า 245/45 ZR19 และด้านหลัง 295/40 ZR 20 ดอกยางดีไซน์พิเศษ รองรับการลุยที่ความลึก 9 มิลลิเมตร ยางเสริมผ้าใบ 2 ชั้น ให้ความทนทานลดความเสียหายจากคมของหิน
ในขั้นตอนรถโปรโตไทป์ ทีมงานนำ 911 Dakar ไปวิ่งทดสอบเก็บข้อมูล เพื่อหาข้อบกพร่องของทุกระบบในสภาพการใช้งานจริง กับสภาพแวดล้อมสุดโหดทั่วทุกมุมโลก เป็นระยะทางรวมกว่าครึ่งล้านกิโลเมตร จากนั้นวิ่งทดสอบบนทางฝุ่นเต็มรูปแบบอีกกว่า 10,000 กิโลเมตร เบ็ดเสร็จ 911 Dakar ผ่านการวิ่งทดสอบบนเส้นทางทั้งบนถนน และทางฝุ่นที่เต็มไปด้วยกรวด รวมทั้งทะเลทราย และหิมะ
Romain Dumas นักแข่งสังกัดทีมโรงงาน PORSCHE ชาวฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในนักทดสอบ กล่าวว่า “911 Dakar พร้อมลุยไปบนเส้นทาง off-road ในการแข่งขันอย่าง Dakar ไม่ว่าจะเป็นสภาพที่รถกระโดดลอยตัว โดยที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบช่วงล่าง ทั้งหมดมาจากการออกแบบที่ยอดเยี่ยมและการเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ ผมทราบดีว่า 911 ทำอะไรได้บ้างบนถนนปกติ แต่วันนี้ผมทึ่งเมื่อได้เห็นว่ารถคันนี้ สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เหนือชั้นเพียงใดบนทางฝุ่น”
ขุมพลังของ 911 Dakar ยังคงเป็นเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้แรงม้า 480 PS ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 570 Nm ที่ 2,300-5,000 รอบ/นาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ PDK 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เคลมไว้ 3.4 วินาที, 0-200 กม./ชม. ใช้เวลา 12.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. (ใช้ยาง all-terrain)