5676 จำนวนผู้เข้าชม |
ด้วยยอดขาย 15,784 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน หลังการเปิดตัวที่ญี่ปุ่น ทำให้ “นิสสัน โน๊ต” จารึกชื่อไว้ในทำเนียบหนึ่งในรถยนต์ขายดีที่สุดของญี่ปุ่นได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และเมื่อ นิสสัน โน๊ต มาถึงเมืองไทย ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ยังคงต้องรอเพราะ นิสสัน โน๊ต เพิ่งจะลงโชว์รุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา แม้จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ไม่มีใครได้เห็นรถตัวเป็น ๆ จนกระทั่ง...อยากรู้ละสิ ๆ
“ใช่ครับ เราได้ขับนิสสัน โน๊ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” แต่ก่อนที่เราจะเล่าให้ฟังว่า นิสสัน โน๊ต เป็นอย่างไร มาทำความรู้จักนิสสัน โน๊ต กันก่อนดีกว่าไหมว่าเป็นรถอะไร
อย่างที่บอกไปแล้วว่านิสสัน โน๊ต เปิดตัวขายเรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่น ซึ่งโมเดลที่เห็นนั้นเป็นตัวไมเนอร์เชนจ์ นั่นหมายความว่า เหลืออายุในการทำตลาดอีกราว 2-3 ปี สำหรับในญี่ปุ่น โดยทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ขณะที่ นิสสัน โน๊ต ที่จำหน่ายในบ้านเรานั้น บรรจุเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ถือกำเนิดภายใต้โครงการอีโคคาร์เฟสหนึ่ง ที่ได้รับสิทธิพิเศษมากมายหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องของอัตราภาษีสรรพษามิตรที่ต่ำกว่ารถอื่น ๆ
เมื่อเครื่องยนต์มีขนาดเล็กลง คำถามยอดฮิต ก็คือ “แล้วมันจะอืดไหม แรงพอรึเปล่า” คำตอบของคำถามนี้ เราสามารถตอบแบบตรงไปตรงมาหลังจากที่ได้ไปลองขับมาแล้วว่า ... ”ไหวครับพี่น้อง”
แม้ตัวเลขขนาดความจุของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 79 แรงม้า จะดูเหมือนว่า “น้อยจัง” แต่เมื่อผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT D-Step Logic มันเพียงพอกับการนำพาเจ้านิสสัน โน๊ต ทะยานไปแตะที่ระดับความเร็ว 140-150 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น พร้อมกับความรู้สึกอุ่นใจในการทรงตัวจากระบบช่วงล่างหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และหลัง แบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ด้านอัตราเร่งช่วงออกตัว ต้องทำใจร่ม ๆ นิดนึง ด้วยลักษณะของเกียร์ ซีวีที จะเป็นการค่อย ๆ ไต่ระดับความเร็วขึ้นไปไม่มีการกระโชกโฮกฮากเหมือนเกียร์อัตโนมัติระบบเฟืองหรือเกียร์ธรรมดา ภาษาชาวบ้านเรียก เกียร์ซีวีทีว่า “เกียร์ผู้ดี” นำพากันไปแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ซึ่งจุดเด่นของเกียร์แบบนี้จะช่วยเรื่องของความประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
มาดูในเรื่องของตัวรถกันบ้าง ความสวยงาม คงเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ บางท่านว่าสวย บางท่านว่าขี้เหร่ อันนี้คงมิอาจก้าวล่วงไปวิพากษ์ท่านได้ ดูตัวอย่างในอดีต ทาทา ยังเคยบอกว่า ภราดร “หล่อ” ข้อนี้ทุกคนน่าจะยังจำกันได้นะ
ในแง่ของการใช้งาน อุปกรณ์และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่นิสสันเลือกใส่มาให้เราใช้งานนั้น มีเพียบทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่รถรุ่นอื่นในระดับเดียวกันยังไม่มี แต่หลายอย่างเราก็ไม่อยากใช้ เช่น แอร์แบ็กคู่หรือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือท่านอยากจะทดลองใช้ก็ได้ไม่ว่ากันอยู่แล้ว (ฉีกยิ้มกว้าง ๆ ไว้)
สำหรับสิ่งที่ใช้งานได้ดีและประทับใจเรามากคือ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง AVM ให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทุกทิศทางของมุมรถได้ เพียงแค่เข้าเกียร์ถอยหลังภาพจะมาขึ้นที่หน้ากระจกมองหลังทันที ช่วยทั้งเรื่องของการถอยจอดเข้าซองและความปลอดภัยที่จะชนสิ่งกีดขวางซึ่งอยู่ในจุดบอดของรถ
นอกจากนั้นยังมีระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน ระบบนี้จะส่งเสียงเตือนทันทีที่จับได้ว่ารถออกนอกเส้นจราจร จะโดยตั้งใจหรือไม่ ระบบเตือนทุกครั้ง ถ้ารู้สึกรำคาญไม่ต้องห่วงนิสสันใส่ปุ่มเปิด-ปิดไว้ให้ (แสดงว่ารู้นะสิว่ามีคนไม่ชอบ) ส่วนระบบความปลอดภัยอื่น ๆ มีครบ ทั้ง VDC, HSA, ABS, EBD และ BA แปลกันได้เนอะไม่ต้องขยายความต่อ
อีกหนึ่งสิ่งที่จะต้องเอ่ยถึงคือ ประตูบานหลัง สามารถเปิดได้ถึง 85 องศา แล้วดีอย่างไร แน่นอนว่า เปิดได้กว้างก็ใส่ของได้ง่าย เช่น ทีวี 50 นิ้ว ใส่ได้สบายไม่ต้องตะแคงท่าพิสดารแต่ประการใด ซึ่งภายในห้องโดยสารนั้น กว้างมาก พอ ๆ กับรถในระดับคอมแพคเลยทีเดียว
สำหรับกระแสตอบรับเบื้องต้น จับใจความจากผู้บริหารระดับสูงของนิสสัน บอกว่า โน๊ต มียอดจองล่วงหน้าเข้ามาแล้วหลายพันคัน แต่จะกลายเป็นยอดจองจริงได้จำนวนเท่าไหร่คงต้องรอลุ้น ส่วนรถล็อตแรกที่ผลิตจำนวน 2,000 คันนั้น มีเจ้าของครบหมดเรียบร้อย ถ้าสนใจอยากเป็นเจ้าของบ้างก็ตัดสินใจให้ไวนะ และใบ้ให้ว่า ตัวท้อปนะมียอดจองกว่า 85% ของยอดทั้งหมด อย่าไปจองผิดหละ