232 จำนวนผู้เข้าชม |
GAC 1 ในค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาทำการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยกับรถภายใต้ชื่อแบรนด์ AION ที่ได้ความนิยมในตลาดบ้านเราพอควร ช่วงนี้มีการขยับเพิ่มไลน์อัพตัวรถให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับกลุ่มลูกค้า และเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาขึ้น โดยในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพิ่งเปิดตัวเด็ด AION HYPTEC HT รถระดับพรีเมี่ยมคาร์ ประตูหลังแบบ Gull Wing จนช่วงเดือนพฤศจิกายน AION ก็ได้จัดการเผยโฉมรถรุ่นใหม่ในกลุ่ม SUV ไซส์ C Segment ที่เคยเผยโฉมให้เห็นตอนเปิดโรงงานประกอบในเมืองไทย พร้อมกับยืนยันว่าจะนำเข้ามาขายแน่นอน และก็ถึงเวลาที่ต้องลงสังเวียนจริงๆ สักที่กับ AION V
AION V ที่จำหน่ายในบ้านเรานับว่าเป็น Gen ที่ 2 ของรถรุ่นนี้ และถือเป็นรุ่นที่นำไปจำหน่ายทั่วโลก เป็นครั้งแรกของรถรุ่นนี้ ในรุ่นแรกก็เป็นรถไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกัน เปิดตัว และจำหน่ายในประเทศจีนในปี 2020 ระยะเวลาเพียง 4 ปีก็มี V II ออกมาจำหน่ายในตลาดโลก แต่ใช้ชื่อ AION V เท่านั่น
Cyber Desigh เหลี่ยมๆ แต่มีมิติ
การดีไซน์ของ AION V ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจาก หุ่นยนต์ ส่งผลให้รูปลักษณ์ของตัวรถมาในแนวทรงกล่อง แต่ผสานความโค้งมนทำให้ตัวรถดูไม่เลี่ยนจนเกินไป แถมยังออกแบบให้มีคิ้วล้อขนาดพอเหมาะ ส่งให้ตัวรถดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าที่มาพร้อมกับ Daytime Running รูปทรงแปลกตา(ไฟหน้ามารถตั้งเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ และตั้ง Auto High Beam ได้อีกเช่นกัน) กันชนหน้าออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ตเล็กๆ กับการออกแบบให้กับคล้ายมีช่องดักลมตรงมุมกันชนทั้ง 2 ฝั่ง ช่องดักลมตรงมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่เพียงพอต่อการระบายความร้อนให้กับชุดระบบระบายความร้อนของมอเตอร์กับแบตเตอรี่ และระบบปรับอากาศ กระจกบังลมหน้า และกระจกประตูคู่หน้าเป็นแบบ 2 ชั้น Acoustic Theater Glass ช่วยในเรื่องการเก็บเสียงของห้องโดยสาร ปัดน้ำฝนหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติได้ แถมยังสั่งการใช้งานผ่านคำสั่งเสียงได้อีกด้วย
หลังคาเป็นแบบ Panoramic Roof บานโตเกือบเต็มแผ่นหลังคา มาพร้อมกับราวแร็คหลังคาที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำตัวรถ ซี่งทำให้ตัวรถมีความทะมัดทะแมงสมส่วน ประตูทั้ง 4 บานเปิดได้กว้าง ผู้ โดยสารขึ้น-ลงได้สะดวกสบาย มือเปิดประตูมาแบบเดียวกับ AION Y ซ่อนรูป เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ กระจกบังลมขนาดใหญ่รอบคัน ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การออกแบบทางด้านท้ายรถเน้นความเรียบง่าย ไฟท้ายออกแบบให้สอดรับกับเสา D-Pillar ไฟท้าย LED ทรงแนวตั้ง แปลกตากว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ กระจกฝาท้ายติดตั้งชุดปัดน้ำฝนหลังมาให้เสร็จสรรพ ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบเปิดฝาท้ายอัตโนมัติ เพียงแค่พกกุญแจแล้วไปยืนตรงท้ายรถให้สังเกตไฟเบรกดวงที่ 3 กระพริบ 4 ครั้ง ฝาท้ายจะเปิดให้เองโดยอัตโนมัติให้ความสะดวกสบายกว่าระบบ Kick Sensor ที่เตะไม่ค่อยจะโดยตำแหน่งเซ็นเซอร์กันเท่าใดนัก กันชนท้ายออกแบบให้กลมกลืนกับชุดฝาท้าย
มิติตัวรถ AION V ยาว 4,605 มม., กว้าง 1,854 มม., สูง 1,660 มม. ความยาวฐานล้อ 2,775 มม. หากเทียบกับคู่แข่งในตลาดกลุ่ม C-Segment SUV BEV มาดูกันว่าต่างกันแค่ไหน
Neta X ยาว 4,619 มม., กว้าง 1,860 มม., สูง 1,628 มม. ความยาวฐานล้อ 2,770 มม.
BYD ATTO3 ยาว 4,455 มม., กว้าง 1,875 มม., สูง 1,615 มม. ความยาวฐานล้อ 2,720 มม.
Deepal S07 ยาว 4,750 มม., กว้าง 1,930 มม., สูง 1,625 มม. ความยาวฐานล้อ 2,900 มม.
Toyota Corolla Cross ยาว 4,460 มม., กว้าง 1,825 มม., สูง 1,620 มม. ความยาวฐานล้อ 2,640 มม.
ถ้าเทียบแค่ในกลุ่มรถไฟฟ้าด้วยกสันจะเสียเปรียบแค่ Deepal S07 เพียงตัวเดียวเท่านั่น แถมยังมีมิติที่ใหญ่กว่าเจ้าตลาดในกลุ่ม Hybrid อย่าง Toyota Corolla Cross ทุกมิติ
กว้างขวางนั่งสบาย..เบาะหลังปรับเอนได้..แถมมีตู้เย็นมาให้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสารของ AION V ออกแบบตามหลัก ADiGO SPACE เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์รถไฟฟ้ายุคนี้ โดยเฉพาะคอนโซลหน้าออกแบบเป็นสเต็ปคล้ายๆ กับตัว AION Y จอเรือนไมล์ TFT ขนาด 8.8 นิ้ว ความละเอียด 1,920x480 พิกเซล แสดงผลการทำงานได้หลากหลายอาทิ ความเร็วของตัวรถ แสดงผลการทำงานของระบบความปลอดภัย ADAS แสดงแผนที่การเดินทาง แสดงผล TPMS(แรงดันลมยาง และอุณหภูมิของล้อทั้ง 4) และ มาตรวัดระยะทาง, ODO ไมล์รวมของรถ, การใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
พวงมาลัย 2 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น พร้อมชุดจอยสติ๊กแบบลูกกลิ้ง ซึ่งใช้งานได้หลากหลายรวมไปถึงการปรับกระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่ง พวงมาลัย สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วยปรับให้เข้ากับสรีระการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ล่ะท่าน
หน้าจอกลางทัชสกรีนขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 1080 พิกเซล ชิฟระบบปฎิการณ์ที่ใส่มาให้เป็นของ Snapdragon เวอร์ชั่น 8.5 สามารถอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA พร้อมระบบนำทาง Here Map ที่สามารถค้นหาสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงสถานีชาร์จไฟ หน้าจอกลางเชื่อมต่อ Apple Car Play แบบเสียบสาย(รออัพเดทซอฟท์แวร์ในปีหน้าจะได้เชื่อมต่อแบบไร้สาย) ส่วนระบบ Android Auto ณ ตอนนี้ต้องรออัพเดทซอฟท์แวร์ในปีหน้าเช่นเดียวกัน ตอนนี้เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้เท่านั่น
ระบบเครื่องเสียงมาพร้อมกับลำโพง 9 ตำแหน่ง เหนือสิ่งอื่นใด AION V สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ และจับเสียงการพูดจาก 4 โซน สามารถสั่งงานได้ทั้งภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ คำสั่งใช้งานก็ไม่ยุ่งยากเท่าใดนัก
นอกจากนี้แล้วจอกลางยังรองรับกล้องรอบคัน 540 องศา ภาพคมชัดการในรุ่น AION Y และฟังก์ชั่นสั่งการใช้งานบนหน้าจอมัลติมีเดียเหมือนกับรุ่น HYPTEC HT การทัชสกรีนในการใช้งานถือว่าค่อนข้างเร็ว อาจมีช้าในบางจังหวะ คิดว่าพออัพเดทซอฟท์แวร์ครั้งต่อไป การทัชสกรีนน่าจะตอบสนอง และเสถียร์กว่าตอนนี้ แต่ไม่ได้แย่นะครับตอนนี้เร็วพอตัวเลยล่ะ ถัดลงมาเป็นช่องแอร์คู่หน้า ซึ่งการปรับทิศทางลมอาจยังไม่โดยใจเท่าใดนัก แต่ก็เฉลี่ยความเย็นให้ห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี ติดกับช่องแอร์จะเป็นท่านชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 2 ฝั่ง แต่ชาร์จโทรศัพท์ได้เพียงฝั่งซ้ายเท่านั่น โดยปล่อยให้สูงถึง 50W
ต่อเนื่องเท้าแขนตรงกลางพอเปิดฝาออกมากลายเป็นตู้เย็น ย้ำว่าตู้เย็นจริงๆ ขนาด 6.6 ลิตร ที่ปรับตั้งอุณหภูมิได้ถึงติดลบ -15 องศา และแปลงเป็นตู่อุ่นอาหารที่สามารถปรับอุณหภูมิได้สูงถึง 50 องศา การปรับอุณหภูมิของตู้เย็นปรับได้ 3 ตำแหน่ง หน้าจอดิจิตอล หลังตู้เย็น, บนหน้าจอมัลติมีเดีย และแอพพิเคชั่นบนมือถือ ตู้เย็นสามารถตั้งเวลาการทำงานหลังดับระบบของตัวรถได้นานถึง 24 ชม.
จุดบอดของการดีไซน์คอนโซลหน้า AION V คือ การที่ไม่มีเก๊ะเก็บของทางฝั่งผู้โดยสาร(แม้จะมีตะขอเกี่ยวแขวนถุงใส่ของมาให้ก็ตามที) ซึ่งจริงๆ มีความจำเป็นมากในการเก็บเอกสารสำคัญเช่น สำเนาทะเบียนรถ, เอกสารประกันภัยของตัวรถเป็นต้น แม้จะออกแบบให้คอนโซลกลางเป็นแบบ 2 ชั้น แต่ก็ไม่ใช่ที่วางเอกสารสำคัญประจำรถที่ควรจะเป็น ตรงชั้นล่างของคอนโซลกลางมี ช่องเสียบ USB TypeA-Typec C อย่างล่ะ 1 ช่อง และมีช่องเสียงเพาเวอร์เอ้าท์เลท์ให้อีก 1 ช่อง ส่วนด้ายหลังจะมีช่องเสียบ USB Type C อีก 1 ช่อง ใต้หน้าจอของระบบปรับอุณหภูมิตู้เย็น
เบาะคู่หน้าขนาดใหญ่ออกแบบให้นั่งสบาย และมีการเสริมฟองน้ำที่มีความหนาถึง 20 มม. เบาะคู่หน้ามีระบบ Welcome Seat มาให้ทั้ง 2 ฝั่ง เบาะฝั่งคบขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง แถมยังมีหน่วยความจำของเบาะนั่ง 3 ตำแหน่งทั้ง 2 ฝั่ง และยังมีระบบนวดไฟฟ้า 8 จุด มีระบบระบายความร้อน, ระบบอุ่นเบาะมาให้เสร็จสรรพ เท่าที่ได้สัมผัสมาคือ เบาะนั่งออกแบบให้นั่งสบายมาก ความนุ่มของเบาะกำลังพอดี แต่ถ้าเดินทางไกลอาจจะนิ่มไปนิด และทดแทนด้วยระบบนวดที่ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้ายามเดินทางได้(ชอบมากๆ)
พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังจัดว่ากว้างขวางมากๆ ทั้งพื้นที่วางขา รวมไปถึง พื้นที่ของส่วนรองนั่งที่ออกแบบให้รองรับต้นขาได้เต็มเหนี่ยว พนักพิงเบาะพับแยก 60:40 โดยองศาพนักพิงเบาะ 137 องศา ปรับพนักพิงให้เอนได้อีก 20 องศา(พนักพิงแบบปรับให้นั่งปกติเอียง 117 องศา) ตัวเบาะนั่ง และพนักพิงใช้วัสดุเดียวกับเบาะคู่หน้า นุ่มนั่งสบายตลอดการเดินทาง ยิงถ้าปรับพนักพิงให้เอนสุด แทบจะนอนได้เลยทีเดียว แถมด้านหลังของเบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารออกแบบให้มีโต๊ะวางของแบบพับเก็บได้ ช่องแอร์ทางด้านหลังอยู่ที่บริเวณเสา B-Pillar ให้ความหรูหรา แต่แรงลมออกมาไม่แรงเท่าที่ควร(เพราะอาศัยแรงลมมาจากตู้แอร์ชุดเดียวกับทางด้านหน้า) แต่อุณหภูมิความเย็นอิงจากการปรับอุณหภูมิของฝั่งผู้ขับขี่(ระบบปรับอากาศเป็นแบบ Dual Zone ทางด้านหน้า)
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถความจุ 427 ลิตร(ไม่พับเบาะหลัง) และจะเพิ่มเป็น 978 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง และปรับพื้นที่เก็บสัมภาระเป็นสเต็ปล่างสุด(พื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 สเต็ป และยังมียางอะไหล่แบบ Compact Size ติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ แถมยังเป็นรถไฟฟ้ายี่ห้อเดียวในปัจจุบันนี้ที่ให้ยางอะไหล่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำรถ สีสันของภายในมีให้เลือก 2 สีด้วยกันคือ สีดำ และสีน้ำตาล วัสดุภายในภายรวมทั้งหมดเป็นแบบ Soft Touch ไม่ต่ำกว่า 80%
224 แรงม้า เพียงพอต่อการเดินทาง ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ 602 กม.
ทางด้านระบบขับเคลื่อนของ AION V เลือกใช้มอเตอร์แบบแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพละกำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตัน-ม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 7.9 วินาที(ในโหมด Sport) ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. มอเตอร์ขับเคลื่อนตัวนี้ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่แบบ ลิเธียมไอออน(LFP) 400V ความจุ 75.3 kW ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบ Magazine Battery 2.0 Cell to Module จาก CATL กันน้ำผ่านมาตรฐาน IP67 รับไฟชาร์จ AC 6.6 kW และรับไฟชาร์จ DC สูงถึง 180 kW และสามารถปล่อยไฟ V2L ได้สูงถึง 3.3 kWh แบตเตอรี่ชุดนี้ชาร์จไฟเต็ม 100% สามารถวิ่งได้ระยะทาง 602 กม. ตามมาตรฐาน NEDC(650 กม. CLTC)
สมรรถนะของ AION V เท่าที่ได้สัมผัสในเรื่องของอัตราเร่งแบบการขับขี่ทั่วๆ ไปในโหมดการขับขี่สบาย (โหมดการขับขี่มี 4 โหมด สบาย, สปอร์ต, ประหยัด และประหยัดสุด) ถือว่าทำได้ดีมาแบบเรื่อยๆ เน้นขับใช้งานทั่วไป พอปรับโหมดเป็นสปอร์ต อัตราเร่งของตัวรถเปลี่ยนไปชัดเจน พละกำลัง 224 แรงม้า ออกมาให้ใช้แบบเต็มๆ ขับสนุกเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวรถ 1.9 ตัน ทั้ง 2 โหมดนี้ระหว่างขับขี่สามารถปรับตั้งค่าการรีเจนไฟได้ 2 ระดับ
กลับกันพอปรับโหมดการขับขี่มาเป็นประหยัด อัตราการตอบสนองของคันเร่งรวมไปถึงอัตราเร่งถือว่า ดร็อปลงจาก 2 โหมดแรกอย่างชัดเจน เน้นขับใช้งานในเมืองเป็นหลักจะช่วยเซฟพลังงานของแบตเตอรี่ไปได้เยอะลงทีเดียว และพอปรับเป็นโหมด ประหยัดสุด โหมดนี้จะจำกัดความเร็วของตัวรถให้ใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กม./ชม.ปรับกระแสการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายในตัวรถเพื่อเป็นการเซฟกระแสไฟมากที่สุดในกรณีที่ขับขี่ใช้งานแล้วเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่เหลือน้อย และระยะทางไปยังสถานีชาร์จไฟยังอยู่ค่อนข้างไกล
โหมดประหยัดกับประหยัดสุด ไม่สามารถปรับตั้งค่าการรีเจนไฟได้(โหมดการรีเจนไฟตอนขับโหมดสบาย และสปอร์ต การรีเจนไฟตั้งไว้แบบไหน พอเปลี่ยนมาเป็นโมหดประหยัด การรีเจนไฟจะค้างอยู่ในโหมดนั่น)
แฮนด์ลิ่งดี..นั่งสบาย
ระบบกันสะเทือนของ AION V มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ ทอร์ชั่นบีม ความสูงใต้ท้องรถถึงพื้น 150 มม. ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ แร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ปรับน้ำหนักได้ 2 ระดับ
แฮนด์ลิ่งของระบบกันสะเทือนชุดนี้ เซ็ทติ้งมาได้ค่อนข้างประทับใจไม่น้อย ฟิลลิ่งมาแบบนุ่มนวล หนึบ นั่งสบายเวลาขับขี่ใช้งานในเมือง เวลาโยกเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน อาการโคลงของตัวรถมีน้อย(ไม่ใช่ไม่มี แต่มีแบบที่รับได้) การตอบสนองของพวงมาลัยถือว่าดี การปรับเซ็ทอัตราทดฉับไวระดับนึง(ไม่ไวจนเครียดเกินไป หรือยืดยาดจนน่ารำคาญ) น้ำหนักพวงมาลัยของทั้ง 2 โหมด เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของแต่ล่ะบุคคลเลยก็ว่าได้ วงเลี้ยวของตัวรถแคบเพียง 5.6 ม.(เท่ากับ HYPTEC HT)
ระบบเบรคเป็นดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบความปลอดภัยครบถ้วนแอบพกพาเทคโนโลยี Comfort Stop ช่วยให้ตัวรถเบรคด้วยความนุ่นวลหน้ารถไม่ทิ่มเร็วจนเกินไป(ใช้วิธีสั่งงานให้เบรคหลังมีเปอร์เซ็นต์ในการทำงานมากกว่าเบรคคู่หน้าเล็กน้อย) แถมยังปรับฟิลลิ่งของน้ำหนักแป้นเบรคได้ 2 ระดับ
การทำงานของระบบเบรคถือว่าทำงานได้ดี โหมดมาตรฐานจะเน้นความนุ่มนวล ผู้ขับขี่ต้องเหยียบแป้นเบรคลึกสักเล็กน้อยระบบเบรคถึงจะเริ่มจับการทำงาน พอเปลี่ยนมาเป็นโหมดสปอร์ต การทำงานของแป้นเบรคกลับมาฉับไว เหมาะกับสาวกที่ชอบแตะแป้นเบรคน้อยๆ แต่เบรคจึ๊ก
ล้อแม็กของ AION V มากับขนาด 19x7 นิ้ว รัดไว้ด้วยยางยี่ห้อ MAXXIS รุ่น Victra Sport 5 ไซส์ 225/45 R19 ที่ให้การยึดเกาะถนนที่ดี แก้มยางนุ่มๆ ช่วยเพิ่มนุ่มสบายในการขับขี่ แม้เสียงของยางดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารอยู่บ้าง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ระบบความปลอดภัยของ AION V อัดมาเต็มพิกัดสไตล์รถยุคใหม่ อาทิ ถุงลมนิรภัย 7 ใบ ระบบ ADAS Level 2 ช่วยให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่เดินทางสูงสุด การรับประกันของตัวรถอยู่ที่ 8 ปี หรือ ระยะทาง 160,000 กม. การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี ระยะทาง 200,000 กม. ราคาจำหน่ายของ AION V คาดเดากันไว้ที่ไม่น่าข้าม 1.1 ล้านบาท ต้องมาลองวัดใจ GAC Thailand ว่าจะเปิดราคาให้เร้าใจได้มากน้อยเพียงใด สนใจอยากไปชมรถ และทดลองก่อนใคร เชิญได้ที่โชว์รูม AION ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนเป็นต้นไป