SUZUKI SWIFT รถเล็กคุ้มราคาที่ไม่อาจมองข้าม

2560 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เรื่อง : อัฐฒา นายเรือ

 

 

หลังจากที่เปิดตัว ซูซูกิ สวิฟท์ เจนเนอเรชันที่ 3 อย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่วัน ทาง บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้จัดให้ผู้สื่อข่าวได้ทดลองขับรถเล็กพริกขี้หนูรุ่นใหม่ล่าสุดกันแถบสะเมิง จ.เชียงใหม่ที่เต็มไปด้วยโค้งและลงมาขับกันบนถนนวงแหวนรอบๆ ตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อให้เราได้ทราบถึงสภาพการใช้งานอย่างแท้จริงในเรื่องของ สมรรถนะ การควบคุมบังคับ,การทรงตัว, ระบบห้ามล้อ ฯ รวมไปถึงตัวช่วยอันทันสมัยที่ทางซูซูกิจัดเต็มมาให้ในรุ่นนี้กันเป็นระยะทางราว 80 กม.

ในช่วงเช้าก่อนที่จะไปทดลองขับเราได้ฟังรายละเอียด ซูซูกิ รุ่นนี้กัน จุดหลักๆ จะเน้นไปที่การออกแบบ ความสวยงามทั้งภายในและภายนอกตัวรถให้แลดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัย จุดที่โดดเด่นซึ่งเป็นจุดขายอีกข้อหนึ่งคือการใช้โครงสร้างแพลทฟอร์มแบบชิ้นเดียว ไร้รอยต่อหรือ HEARTECT ที่ช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักน้อยลงแต่แข็งแกร่งและปลอดภัยมากขึ้น ลดการหมุนเวียนของอากาศบริเวณใต้ท้องรถขณะที่วิ่งซึ่งจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลง

สมรรถนะเครื่องยนต์มาจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตร การใช้หัวฉีดแบบ 2 หัวฉีดต่อ 1 สูบ หรือ DUALJET ช่วยให้การจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ทำได้ละเอียด มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้สมรรถนะที่ดีและประหยัดเชื้อเพลิง ระบบวาล์วแปรผันจะมีมาให้ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย กำลังสูงสุดทำได้ 83 แรงม้า แม้จะน้อยกว่ารุ่นเดิมอยู่ 8 แรงม้า แต่เมื่อเทียบ แรงม้าต่อน้ำหนักตัวที่รุ่นใหม่ลดลง ก็ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่การควบคุมรถจะง่ายขึ้นจากตัวรถที่เบาลง อัตราเร่งเป็นไปด้วยดี

ไฟต่างๆ ทั้งด้านหน้าและหลังเป็นแบบ LED เป็นอีโคคาร์ที่ติดตั้งล้อขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/55-16 มาให้ในรุ่นทอพและรองทอพ รถรุ่นใหม่นี้เมื่อเที่ยบกับรุ่นที่แล้ว ฐานล้อจะมีขนาดกว้างขึ้น 20 มม. ความยาวตัวถังลดลง 10 มม. ความกว้างมากขึ้น 40 มม. ความสูงลดลง 15 มม. ระยะใต้ท้องรถห่างจากพื้นลดลง 20 มม. ช่วยให้มีการทรงตัวที่ดีขึ้นจากการมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง น้ำหนักตัวลดลง 65-85 กก. หรือ ขึ้นอยู่กับรุ่นซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน แต่น้ำหนักโดยรวมมีอยู่แค่ราว 900 กก. เท่านั้นเอง รัศมีวงเลี้ยวลดลง 0.4 มม. มีระยะเพียงแค่ 4.8 ม. แค่ถนนสวนกันสองเลนก็สามารถกลับรถได้แล้ว ระบบเบรกของรุ่นทอพและรองทอพเป็นแบบจานขนาด 14 นิ้วทั้ง 4 ล้อ ส่วน 2 รุ่นล่าง ด้านหลังจะเป็นแบบดุม

ระบบตัวช่วยที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าใส่เข้ามาในรุ่นนี้มากมายไม่ว่าจะเป็น ESP หรือระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ, ระบบ TSC ช่วยลดอาการหมุนฟรีของล้อช่วยลดอาการลื่นไถลขณะวิ่งบนทางลื่นหรือขณะเข้าโค้ง ให้การขับขี่เต็มไปด้วยความปลอดภัย, รุ่นทอพและรองทอพติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ถึง 6 ลูกด้วยกัน, เข็มขัดนิรภัยในทุกรุ่นเป็นแบบ PRETENSIONER ที่จะดึงรัดตัวผู้นั่งให้ติดกับพนักพิงก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือแม้แค่ระบบ HILL HOLD CONTROL ที่ป้องกันรถไหลในขณะออกตัวเมื่อจอดอยู่บนทางลาดชัน, ระบบเบรคแบบเอบีเอส, พวงมาลัยปรับได้ถึง 4 ทิศทางทั้งระยะและระดับ ฯลฯ ถือว่าเป็นอีโคคาร์ที่ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมาให้อย่างเพียบพร้อมเกินราคา

หลังจากรับทราบข้อมูลรายละเอียด ทำความรู้จักกับ สวิฟท์ ใหม่ กันไปพอสมควรแล้ว เราก็พร้อมออกเดินทางไปลองขับบนสภาพเส้นทางจากที่พักลงเขาที่เต็มไปด้วยโค้งแถบสะเมิงซึ่งโหดเอาเรื่อง เหมาะกับการทดสอบระบบรองรับและระบบเบรคของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี พอลง

ไปถึงเมืองก็จะวิ่งกันบนไฮเวย์วงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ที่มีอุโมงค์ลอดตามจุดตัดทางแยกต่างๆ วิ่งกันในสภาพการจราจรที่ค่อนข้างโล่ง ใช้ความเร็วกันแบบสบายๆ ในช่วง 100-120 กม./ชม.

 

เราได้รถเบอร์ 1 ออกเดินทางไปเป็นคันแรกโดยช่วงต้นจะมีรถเจ้าหน้าที่ขับนำลงไป สัมผัสแรกที่ได้เข้ามานั่งขับรู้สึกถึงความสวยงามของการตกแต่งภายในรถที่ให้ความสปอร์ทมากทีเดียว เบาะนั่งสไตล์บัคเกตซีทโอบกระชับตัวดีทีเดียว พวงมาลัยและแผงหน้าปัดออกแบบมาได้ดี ที่คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ฯลฯ

พอออกมาจากโรงแรมเราก็เจอกับโค้งหลากหลายรูปแบบที่ท้าทายทั้งเราและรถ ระบบรองรับให้การยึดเกาะถนนที่ดี ควบคุมรถง่าย จากการที่ตัวรถมีน้ำหนักค่อนข้างเบาทำให้การบังคับรถเป็นไปด้วยดี อัตราเร่งจากเครื่องยนต์ขนาดแค่ 1.2 ลิตร ให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานแบบปกติทั่วไป ไม่มีเสียงบ่นจากบรรดาผู้สื่อข่าวว่าอืด เกียร์ซีวีทีทำงานได้อย่างต่อเนื่องและนุ่มนวลดี พอเข้าสู่ถนนวงแหวนด้านล่าง เราได้ลองอัตราเร่ง ความคล่องตัวในการใช้งานในเมือง การป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกที่จะเข้ามาสู่ห้องโดยสารอยู่ในเกณฑ์ดี ตำแหน่งการขับขี่ให้การควบคุมรถและทัศนวิสัยในการรอบคันได้เป็นอย่างดี เป็นรถที่ขับสนุกและควบคุมง่ายกว่ารุ่นที่แล้วมากทีเดียว ระบบรองรับให้ทั้งความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ไว้ใจได้ น้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าไม่เบาหวิวจนน่ากลัว แต่จะปรับน้ำหนักตามความเร็วที่ใช้ ในขณะที่วิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องอยู่ไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที การขับทั้งหมดเป็นระยะทางราว 80 กม. ส่วนหนึ่งเป็นโค้ง ถนนสวนกันที่ต้องมีการเร่งแซงรถช้า ส่วนมากจะวิ่งบนไฮเวย์ที่เราขับกันค่อนข้างเร็วในช่วง 100-120 กม./ชม. มีบ้างที่เราลองขับกันที่ 140 กม./ชม.

การทรงตัวก็ถือว่าทำได้ดี อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยรวมทำได้ 16 กม./ลิตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจแม้ว่าเราใช้ความเร็วเกินปกติที่ใช้งานจริงกันเกือบตลอดทาง เราใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึง รร.ฟลอรา ครีก ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการทดสอบครั้งนี้ด้วยความประทับใจในรถอีโคคาร์ที่มีราคาราว 6 แสนบาทแต่ให้คุณภาพในการขับขี่ที่น่าพอใจ รายละเอียดและอุปกรณ์ติดตั้งมาให้พร้อมจนแทบจะนึกไม่ออกว่าเราต้องการอะไรมากไปกว่าที่ให้มา ผู้ที่กำลังหารถเล็กๆ ไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณควรลองขับก่อนตัดสินใจซื้ออีโคคาร์สักคัน ราคามีตั้งแต่ 4.99- 6.29 แสนบาท โดยมีให้เลือกถึง 6 สีด้วยกัน และในปีนี้ตั้งเป้าโชว์รูมจะเปิดเพิ่มขึ้นเป็น 120 แห่งทั่วประเทศ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 1.57 หมื่นคัน ซึ่งน่าจะเป็นไปได้สูงเพราะตั้งแต่เปิดตัวมามียอดจองไปแล้วหลายพันคันเลยทีเดียว

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้