Neta X B-Suv ที่พร้อมเปิดศึกกันเจ้าตลาด ด้วยราคาเริ่มต้น 739,000 บาท

หลังจากหยั่งเชิงกันมาพักใหญ่เกี่ยวกับโปรเจ็กท์รถรุ่นใหม่ล่าสุดของ Neta ที่ออกมาสู่ศึกในตลาดของกลุ่ม B-Suv อันเป็นต้องการของผู้ใช้รถ ณ เวลานี้ ด้วยความอเนกประสงค์ และเหมาะกับวัยรุ่น วัยทำงาน และครอบครัวยุคใหม่ ใช้งานได้หลากหลาย และในกลุ่มนี้มีรถไฟฟ้าออกจำหน่ายอยู่ด้วยกันหลายค่าย รวมไปถึงรถในรูปแบบของไฮบริด ในงานนี้ทาง Neta เลยนำรถรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อรุ่น X จัดอยู่ในกลุ่ม B-Suv มาให้ทางสื่อมวลชน และเจ้าของดีลเลอร์ได้ทดลองเป็นกลุ่มแรกของเมืองไทย

Neta X มาในรูปแบบของรถอเนกประสงค์ B-Suv โดยเส้นสายการออกแบบได้แรงบันดานใจจากเหล่ายอดมนุษย์ X-Men บ่งบอกความทันสมัย และแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเส้นสายของชุดไฟ Daytime Running Light นำเอาไอเดียของดวงตาเรืองแสง Iron Man มาเป็นแนวทาง โดยแยกกับชุดไฟหน้าแบบชัดเจน โดยที่ชุดไหน้าเป็นแบบ LED เส้นสายด้านข้างออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยว มีเส้นพาดบริเวณใต้ขอบกระจกประตู และเสริมคิ้วซุ้มล้อสีดำทำให้ตัวรถดูบางลง และทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

หลังคาเป็นแบบ Panoramic Roof กระจกกรองแสง พร้อมแผ่นบังแสงเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และติดตั้ง Roof Rack มาให้เสร็จสรรพ ด้านท้ายกระจกเอนราบให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมด้วยชุดไฟท้ายแบบ LED พาดยาว 2 ฝั่งของท้ายรถ ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า และสามารถสั่งเปิดผ่านแอบพิเคชั่นในมือได้อีกด้วย

ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความมินิมอล แฝงความเรียบหรูด้วยการเลือกใช้วัสดุหนังสังเคราะห์ PU และเสริมจุดบุนุ่มในส่วนที่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารสัมผัสไว้กว่า 80% ตามที่ทาง Neta ได้แจ้งไว้ จุดเด่นอยู่ที่จอมัลติมีเดียตรงกลางใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว แบบทัชสกรีน(ใหญ่สุดในรถกลุ่มนี้ เท่ากับ BYD ATTO3 Model 2024) ควบคุมระบบการทำงานของตัวรถแทบจะเกือบทั้งคันเลยก็ว่าได้ แถมยังสามารถแบ่งจอเป็น 2 ฝั่งเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันได้ และทาง Neta เครมว่าหน้าจอมัลติมีเดียนี้มีความคมชัดระดับ 2K กันเลยทีเดียว จอแสดงผลการขับขี่แบบ TFT ขนาดใหญ่ 8.9 นิ้ว มองเห็นได้อย่างชัดเจน

พวงมาลัยทรง D-Shape หุ้มหนัง พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นแบบลูกกลิ้ง พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ติดตั้งสวิทช์เกียร์ไว้ที่คอพวงมาลัยฝั่งขวา คอนโซลกลางออกแบบให้มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้ให้ไฟแรงถึง 15 W ใกล้กันเป็นที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง คอนโซลกลางด้านล่างออกแบบให้มีช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่สามารถวางกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ให้กับคุณสุภาพสตรีได้สบายๆ แถมยังมีช่องชาร์จไฟแบบ USB Type C ให้ไฟแรงถึง 60 kW มาอีก 1 ช่อง ซึ่งการออกแบบช่องวางของภายในห้องโดยสารของ Neta X มีมากถึง 24 จุดด้วยกัน

เบาะผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้าออกแบบสไตล์บั๊กเก๊ทซีทขนาดใหญ่โอบกระชับลำตัว เบาะผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า และผู้โดยสารตอนหน้าแบบ 6 ทิศทาง พิเศษที่เบาะคนขับมีหน่วยความจำเบาะ 2 ตำแหน่ง เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบายตัวเบาะนุ่ม แต่ไม่ยวบยาบขับขี่ทางไกลไม่เมื่อยล้า พื้นที่วางขา และพื้นที่เหนือศีรษะมีเหลือเฟือ

เบาะนั่งด้านหลังพับแยก 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถได้มากถึง 1,388 ลิตร และติดตั้งจุดยึด ISOFIX มาให้เสร็จสรรพ พื้นที่วางขามีให้มาก แต่จะสอดปลายเท้าเข้าใต้เบาะคู่หน้าทำได้ยากนิดนึง เพราะพื้นที่รถมีการยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย พนักพิงเบาะออกแบบไม่ได้ตั้งชันมากเกินไปทำให้นั่งเดินทางไกลๆ ไม่เมื่อยล้า พื้นที่เหนือศีรษะถ้าสูงไม่เกิน 175 ซม. ยังไม่อึดอัดนัก มีช่องแอร์ด้านหลังมาให้ 2 ช่อง เพื่อช่วยกระจายความเย็นให้กับห้องโดยสารได้เร็วยิ่งขึ้น เบาะนั่งทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ตัววัสดุที่หุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ PU เช่นกัน มีการเจาะรูเพื่อระบายความร้อนมาให้เรียบร้อย สีสันภายในห้องโดยสารจะมี 2 สีด้วยกัน โดยในรุ่น Comfort จะได้โทนสีดำ ส่วนรุ่น Smart จะได้โทนสีน้ำตาลอมส้ม

ระบบขับเคลื่อนเลือกใช้มอเตอร์แบบ Permanent Magnet Synchronous ให้แรงม้า 120 kW(161 แรงม้า) แรงบิดสูงถึง 210 นิวตัน-ม. ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 9.5 วินาที(เป็นรอง ATTO3, AION Y Plus) แหล่งพลังงานไฟฟ้ามาจาก แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน LFP (ใช้เซลส์แบตเตอรี่ของ CATL) ความจุ 51.8 kWh และ 62 kWh ชาร์จไฟ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ 401 กม. รุ่น Comfort และ 480 กม.  รุ่น Smart ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จไฟ AC Type 2 ที่ 6.6 kW และ DC แบบ CCS2 ที่ 100 kW ชาร์จไฟจาก 30-80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที การระบายความร้อนของมอเตอร์ขับเคลื่อนใช้น้ำหล่อเย็น ส่วนแบตเตอรี่ และอินเวอร์เตอร์ใช้น้ำหล่อเย็นในการระบายความร้อน และควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

สมรรถนะเท่าที่ได้สัมผัส(ต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนมีโอกาสได้จับรถ Neta X หลายครั้ง) จังหวะออกตัวถ้ากดคันเร่งสุด จะมีการดีเลย์หรือห่วงของคันเร่งอยู่พอควร(คิดว่าวิศวกรคงมองเรื่องของความปลอดภัย) แต่พอออกตัวได้แล้ว จังหวะที่ต้องกดคันเร่งเพื่อเอาอัตราเร่งแซงถือว่าทำได้ดี เหมาะกับสมกับพละกำลังของแรงบิด แรงม้า และน้ำหนักตัวรถ ดังนั่นสาวๆ หรือแม่บ้านที่ชอบขับรถไม่เน้นจี๊ดจ๊าดตอนออกตัวคงถูกใจไม่น้อย ส่วนท็อปสปีดทางโรงงานเครมไว้ที่ 150 กม./ชม.

ระบบกันสะเทือนทางด้านหน้าเป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนทางด้านหลังเป็นแบบ มัลติลิ้งค์ ระบบพวงมาลัยเป็นแร็คแอนด์พิเนี่ยนไฟฟ้า เซ็ทน้ำหนักในโหมด Comfort ค่อนข้างเบาสบาย ถ้าในโหมด Sport จะหนักขึ้นแต่ไม่ได้หนักมากจนเกินอภัย แฮนด์ลิ่งเท่าที่ได้สัมฟัสถือว่านุ่ม กระชับ ไม่ตึงตัง หรือย้วยจนเกินงามเวลาที่โยกเปลี่ยนเลน การเก็บเสียงทำได้ค่อนข้างดี

ระบบเบรคที่เป็น ดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ จับคู่กับล้อแม็กขอบ 18 นิ้ว ให้ฟิลลิ่งสัมผัสที่ดี แป้นเบรคตอบสนองค่อนข้างไว(ถ้าคนไม่คุ้นชินปรับตัวไม่นาน ส่วนเรื่องของแป้นคันเร่งแบบ One-Padel ที่ปรับได้ 3 ระดับนั่น ให้แรงหน่วงที่มีอารมณ์คล้ายๆ กับ BYD ATTO3 คือ ไม่หน่วงแบบดึงหนักๆ ให้ผู้โดยสารตอนหลังเวียนหัว ดังนั่นถ้าคุมจังหวะการใช้คันเร่งดีๆ One-Padel ช่วยได้เยอะโดยเฉพาะการใช้งานในเมือง และทางลงเขาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด

เรื่องของระบบความปลอดภัยจัดมาเต็มกับระบบ ADAS Level 2 ที่มาครบเครื่องไม่ต่างจากน้องเล็ก Neta V-II เลยก็ว่า แถม Neta X ยังมีมิติของตัวรถที่ใหญ่สุดในคลาสของ B-Suv ด้วยมิติความยาว 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม., สูง 1,628 มม. ความยาวฐานล้อ 2,770 มม. ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 135 มม.

NETA X มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ NETA X รุ่น Comfort มาพร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออนขนาด 51.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ราคา 739,000 บาท และ NETA X รุ่น Smart จับคู่กับแบตเตอรี่ ขนาด 62 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ราคา 799,000 บาท โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Black) สีน้ำเงิน (Glacier Blue) และสีขาว (Pearl White) ภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Prestige Black) ในรุ่น Comfort และสีน้ำตาล (Elegant Brown) ในรุ่น Smart

 Neta V-II ปรับด้านท้ายใหม่..เสริมระบบ ADAS อัพเกรดช่วงล่าง